
ห้องเย็นที่ใช้เก็บรักษายาและวัคซีนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาและวัคซีน สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ แสง อุณหภูมิและความชื้นในการจัดเก็บต้องควบคุมได้อย่างแม่นยำซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาคุณภาพและความคงตัวของยาและวัคซีน
การเก็บรักษายาและวัคซีนในห้องเย็น
ห้องเย็นที่ใช้ในการเก็บยาและวัคซีนควรจัดเก็บแยกกันไม่ควรเก็บรวมกัน ด้วยเหตุผลของยาและวัคซีนบางชนิดไม่สามารถจัดเก็บร่วมกันในอุณหภูมิเดียวกันได้ และเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการหยิบสลับกันของยาและวัคซีน อีกทั้งยาและวัคซีนบางชนิดมีความไวต่อการเสื่อมสภาพจากแสง และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปิด-ปิดห้องเย็นในการหยิบจ่ายยาบ่อยครั้ง
ห้องเย็นเก็บรักษายาและวัคซีนควรเป็นอย่างไร?
ห้องเย็นเก็บรักษายาและวัคซีนควรมีการตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยของยาและวัคซีนนั้นๆ การออกแบบห้องเย็นดังกล่ามีความสำคัญอย่างมากเพราะผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีนบางชนิดมีราคาแพง และเสียหายได้ง่ายต่อการเปลี่ยนแปลง แสง อุณหภูมิและความชื้นภายในห้อง
ลักษณะและข้อกำหนดที่ควรมีสำหรับห้องเย็นมีดังต่อไปนี้:
- ห้องเย็นที่ใช้เก็บยาควรมีระบบละลายน้ำแข็ง (Defrost) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำแข็งเกาะภายใน ส่งผลเสียต่อการทำความเย็น การควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ และสิ้นเปลืองพลังงาน
- ห้องแช่เย็นที่มีชั้นวางที่ปรับได้ ช่วยให้สามารถจัดเก็บผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายชนิดพร้อมกันโดยไม่มีปัญหา
- ห้องแช่เย็นแบบ Cooler/Freezer Combi ช่วยให้สามารถจัดเก็บผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ได้อย่างเป็นระบบ
- ผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีนควรถูกเก็บภายใต้กฎเกณฑ์ของผู้ผลิตที่กำหนดไว้ในฉลาก ดังนั้นควรจัดเก็บยาที่มีเงื่อนไขในการจัดเก็บที่เหมือนกันไว้ด้วยกัน
- ห้องเย็นที่ใช้เก็บยาควรจะสามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำไม่ให้มีอุณหภูมิภายในห้องที่แตกต่างกันมาก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผลิตภัณฑ์ที่ไวต่ออุณหภูมิได้
- สามารถปรับเปลี่ยนและตั้งค่าอุณหภูมิได้หลากหลาย และรักษาอุณหภูมินั้นให้คงที่เสมอ
- เลือกขนาดห้องเย็นให้เหมาะสมต่อปริมาณยาและวัคซีนที่จัดเก็บ
- ห้องเย็นเก็บยา วัคซีน และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ควรมีอุณหภูมิแสดงผลที่เห็นได้อย่างชัดเจน และมีระบบแจ้งเตือนแบบเสียงหรือข้อความ หากเกิดปัญหาการใช้งานเช่น อุณหภูมิห้องสูงขึ้นผิดปกติ ระบบทำความเย็นผิดพลาดเสียหาย หรือระบบไฟฟ้าขัดข้อง เป็นต้น
อุณหภูมิที่เหมาะสม:
ยาและวัคซีนส่วนใหญ่ต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิระหว่าง 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F). อย่างไรก็ตาม วัคซีนบางชนิด เช่น วัคซีนโควิด-19 mRNA อาจต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ำกว่า เช่น -70°C (-94°F).
ตารางอุณหภูมิในการจัดเก็บวัคซีน
วัคซีน | อุณหภูมิในการจัดเก็บ |
COVID-19 (Johnson & Johnson) | 2°C ถึง 8°C ได้สูงสุด 3 เดือน |
COVID-19 (Moderna) | -25°C ถึง -15°C (อุณหภูมิแช่แข็ง) 2°C ถึง 8°C ได้สูงสุด 30 วัน เมื่อเปิดขวดแล้ว: เก็บที่ 2°C ถึง 25°C ได้สูงสุด 6 ชั่วโมง |
COVID-19 (Novavax) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง |
COVID-19 (Pfizer-BioNTech) | -80°C ถึง -60°C (หรือ -70°C) เมื่อละลายแล้ว: เก็บแบบไม่เจือจางได้สูงสุด 5 วัน ที่ 2°C ถึง 8°C เมื่อเปิดขวดแล้ว: เก็บที่ 2°C ถึง 25°C ได้สูงสุด 6 ชั่วโมง |
Dengvaxia (วัคซีนไข้เลือดออก) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ตัวทำละลาย (diluent) ควรเก็บที่ 2°C ถึง 8°C (35°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็งทั้งวัคซีนและตัวทำละลาย |
วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก และชนิดผสม (DT, Td, DTaP, Tdap) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง |
Gardasil / Gardasil 9 (วัคซีน HPV) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง |
วัคซีนไวรัสตับอักเสบ A และ B | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง |
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza vaccines) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) |
M-M-R II (วัคซีนหัด คางทูม หัดเยอรมัน) | -50°C ถึง 8°C (-58°F ถึง 46°F) ตัวทำละลายเก็บที่ 2°C ถึง 25°C (35°F ถึง 77°F) |
วัคซีนเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningococcal Vaccines) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง |
IPOL (วัคซีนโปลิโอ) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) |
Prevnar 13 (วัคซีนป้องกันปอดบวม) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง |
ProQuad (วัคซีนหัด คางทูม หัดเยอรมัน อีสุกอีใส) | -50°C ถึง -15°C (-58°F ถึง 5°F)ตัวทำละลายเก็บที่ 2°C ถึง 25°C (35°F ถึง 77°F) |
RSV Vaccine (Abrysvo) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง ป้องกันขวดวัคซีนจากแสง |
RSV Vaccine (Arexvy) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง ป้องกันขวดวัคซีนจากแสง |
Rotarix (วัคซีนโรตาไวรัสชนิดโมโนวาเลนต์) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ตัวทำละลายเก็บที่ 20°C ถึง 25°C (68°F ถึง 77°F) ห้ามแช่แข็งทั้งวัคซีนและตัวทำละลาย |
RotaTeq (วัคซีนโรตาไวรัสชนิดเพนตะวาเลนต์) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง |
Shingrix (วัคซีนงูสวัด) | 2°C ถึง 8°C (36°F ถึง 46°F) ห้ามแช่แข็ง |
Varivax (วัคซีนอีสุกอีใส) | -50°C ถึง -15°C (-58°F ถึง 5°F) ตัวทำละลายเก็บที่ 2°C ถึง 25°C (35°F ถึง 77°F) |
การควบคุมอุณหภูมิ:
การควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ตลอดเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรใช้เทอร์โมมิเตอร์ที่ได้รับการสอบเทียบ ออกแบบและใช้อุปกรณ์ในระบบทำความเย็นที่สามารถควบคุมและรักษาอุณหภูมิห้องให้คงที่สม่ำเสมอ
การควบคุมความชื้น:
นอกจากการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่แล้ว ความชื้นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณา ความชื้นที่สูงหรือต่ำเกินไปอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของยาและวัคซีน
ความปลอดภัย และความเตรียมพร้อมในการใช้งาน:
- ควรมีระบบสำรองไฟเพื่อป้องกันกรณีไฟฟ้าดับ ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อการทำงานในระบบทำความเย็น
- ควรมีระบบเตือนเมื่ออุณหภูมิหรือความชื้นเกินหรือต่ำกว่าค่าที่กำหนด เพื่อให้สามารถแก้ไขก่อนเกิดความเสียหายตามมา
- ควรมีมาตรการป้องกันห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงห้องเย็นโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันความเสียหายตามมา
การบำรุงรักษาระบบทำความเย็น:
- ควรทำความสะอาดห้องเย็นเป็นประจำเพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะ เชื้อรา และแบคทีเรียที่จะส่งผลต่อยาและวัคซีนในห้อง
- ควรตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอ ตามรอบการดูแล เพื่อให้เครื่องทำความเย็นพร้อมใช้งาน ควรมีเครื่องปั่นหรือมีระบบไฟฟ้าสำรองพร้อมใช้เมื่อไฟฟ้าดับหรือในกรณีฉุกเนิน อีกทั้งควรมีเครื่องทำความเย็นสำรองไว้หากเครื่องที่ใช้งานอยู่เกิดความเสียหายฉับพลันโดยไม่คาดคิด
ติดตาม Harn Engineering Solutions
เรามีบทความดีๆ และเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ส่งตรงถึงอีเมลคุณทุกสัปดาห์